กรมทางหลวงเดินหน้าก่อสร้างถนน 4 เลน "นาไคร้-คำชะอี" หลังจากหยุดชะงักไปกว่า 1 ปี
จากกรณีการก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร ถนนตัดใหม่สาย " นาไคร้-คำชะอี " ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านคำพอก ตำบลโนนยาง อำเภอหนองสูง ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ เนื่องจากมีการตัดถนนผ่าน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงภูสีฐาน เนื้อที่ประมาณ 29 ไร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ และมีการร้องเรียนผู้รับเหมานำหินและต้นไม้ ในพื้นที่โครงการ ไปใช้ประโยชน์อื่นนอกพื้นที่โครงการ โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้รัฐเสียสูญเสียประโยชน์ ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการทางคดีกับผู้เกี่ยวข้อง จากกรณีดังกล่าว ทำให้การก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร สาย นาไคร้-คำชะอี ต้องหยุดชะงักและล้าช้าออกไปอีกกว่า 1 ปี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 กรมป่าไม้ ได้อนุญาตให้ กรมทางหลวง โดยสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ได้ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูสีฐาน ในเขตพื้นที่ หมู่ที่ 5 บ้านคำพอก ตำบลโนนยาง อำเภอหนองสูง ประมาณ 29 ไร่ ดำเนินการก่อสร้างถนนให้แล้วเสร็จ เพื่อเชื่อมต่อกับถนนที่ได้ก่อสร้างเสร็จไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดกาฬสินธุ์
หลังจากคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะลงพื้นที่ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2563 เพื่อรับทราบปัญหาและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยไม่ต้องรอผลของคดี ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประเทศ ในการขนส่ง การสัญจรไปมาของประชาชน
สำหรับถนน 4 ช่องจราจร บ้านนาไคร้ – คำชะอี จังหวัดมุกดาหาร เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการก่อสร้างทางหลวง หมายเลข 12 เส้นทางคมนาคมสำคัญที่เชื่อมระหว่างภาคเหนือ - ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เริ่มต้นที่ อำเภอแม่สอด (เขตแดนไทย/พม่า) จังหวัดตาก – สิ้นสุด จังหวัดมุกดาหาร รวมระยะทางตลอดสาย 793.391 กิโลเมตร เป็นเส้นทางตัดใหม่ โดยมีจุดเริ่มต้นที่ กม.704+400 ถึง กม.740+708.297 ระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร งบประมาณก่อสร้าง 2,650 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง 2,400 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดิน 250 ล้านบาท โดยอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอคำชะอี – อำเภอหนองสูง จ.มุกดาหาร ระยะทางยาว 19.708 กิโลเมตร (กม. 721+000 - กม.740+708) งบประมาณ 1,196,376,000 บาท การก่อสร้างแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 95 เหลือเพียง พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ บ้านคำพอก ตำบลโนนยาง ที่มีปัญหาเรื่องการขอใช้พื้นที่ในการก่อสร้าง
โครงการนี้เมื่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางและการขนส่งสินค้า รวมทั้งเป็นเส้นทางในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน การท่องเที่ยวและการขนส่งโลจิกติกส์ ให้มีความสะดวก รวดเร็วปลอดภัย ร่นระยะทาง และเวลาในการเดินทางสั้นลง โดยเฉพาะจากจังหวัดมุกดาหาร-กาฬสินธุ์-ขอนแก่น ซึ่งเดิมใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 3 ชั่วโมง ร่นระยะทางและเวลาในการเดินทางได้มากกว่า 1 ชม.
อีกทั้งรัฐบาลได้วางแผนให้เป็นหนึ่งในถนนสายเศรษฐกิจการคมนาคม ขนส่ง ตามแนวตะวันออก – ตะวันตก(East West Corridor) กับประเทศเพื่อนบ้านระหว่าง สหภาพเมียนมาร์–ไทย–สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว-ประเทศเวียดนาม และรองรับปริมาณการจราจรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้กว่า 10,000 คันต่อวัน ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจด้านต่างๆในภาพรวมของประเทศ