ศบค.ประกาศยกเลิกจังหวัดควบคุมสูงสุด (พื้นที่สีแดง) เพิ่มพื้นที่ควบคุมและพื้นที่เฝ้าระวังสูง มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. เป็นต้นไป
• ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดจาก 23 จังหวัด เหลือ 0 จังหวัด
• เพิ่มพื้นที่ควบคุมจาก 23 จังหวัด เป็น 39 จังหวัด
• เพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังสูงจาก 24 จังหวัด เป็น 30 จังหวัด
• เพิ่มพื้นที่สีฟ้า (นำร่องการท่องเที่ยว) จาก 7 จังหวัด เป็น 8 จังหวัด
พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) เดิม 23 จังหวัด เพิ่มเป็น 39 จังหวัด
ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชุมพร เชียงใหม่ เชียงราย ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ปัตตานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พัทลุง พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน สตูล สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา สระแก้ว สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และ อุบลราชธานี
มาตรการป้องกันควบคุมโรคพื้นที่สีส้ม
ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่อื่นใดที่มีร้านอาหาร : บริโภคในร้านได้ (ห้ามการบริโภคแอลกอฮอล์ ในร้าน) เปิดได้ตามปกติ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. สามารถพิจารณากำหนดมาตรการ และเวลาเพิ่มเติมได้ตามสถานการณ์ของพื้นที่
พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเหลือง) เดิม 24 จังหวัด เพิ่มเป็น 30 จังหวัด
กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ นครปฐม นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ พิจิตร พะเยา แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สมุทรสงคราม สิงห์บุรี สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัย อ่างทอง และ อำนาจเจริญ
พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) เดิม 7 จังหวัด เพิ่มเป็น 8 จังหวัด กรุงเทพฯ กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา และ ภูเก็ต
มาตรการป้องกันควบคุมโรคสีเหลืองและสีฟ้า
• ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่อื่นใดที่มีร้านอาหาร : บริโภคในร้านได้ เปิดได้ตามปกติ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. สามารถพิจารณากำหนดมาตรการ และเวลาเพิ่มเติมได้ตามสถานการณ์ของพื้นที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ศบค. โดยจะมีการจัดงานเคานต์ดาวน์ในพื้นที่หลัก 5 จังหวัด ดังนี้
• จ.เชียงใหม่ ที่หอคำหลวง อุทยานราชพฤกษ์
• จ.นครราชสีมา หน้าศาลากลางจังหวัด
• จ.ระยอง หาดแสงจันทร์
• จ.พระนครศรีอยุธยา วัดพระราม
• จ.ภูเก็ต หาดปลายแหลมสะพานหิน
ส่วนการจัดงานในพื้นที่อื่นๆ รวม 44 จังหวัด แบ่งเป็น ภาคเหนือ 13 จังหวัด ภาคกลาง 8 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 จังหวัด ภาคตะวันออก 3 จังหวัด และภาคใต้ 8 จังหวัด

ปรับมาตรการในการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่
การบริโภคแอลกอฮอล์ ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ถึง 1 ม.ค. 2565 สามารถเปิดบริการ และบริโภคแอลกอฮอล์ ได้ไม่เกิน 01.00 น. สำหรับพื้นที่ควบคุม สามารถบริโภคแอลกอฮอล์ ในร้านอาหารได้เฉพาะวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ถึง 1 ม.ค. 2565 ไม่เกิน 01.00 น. และเฉพาะร้านที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวกเท่านั้น ทั้งนี้ ให้เคร่งครัดตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่สาธารณสุขกำหนด (COVID Free Setting)
กรณีมีผู้ร่วมงานตั้งแต่ 1,000 ขึ้นไป
1. ยกระดับ COVID Free Personnel
• ผู้จัด พนักงาน นักร้อง นักดนตรี ต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์
• ตรวจคัดกรองผู้จัด พนักงาน นักแสดง นักร้อง ทุกคนด้วย ATK ก่อนจัดงานภายใน 72 ชั่วโมง
• ตรวจคัดกรองความเสี่ยงก่อนเข้างานด้วย แอปพลิเคชัน “Thai Save Thai” หรือ แอปพลิเคชัน อื่น ๆ
• ถือปฏิบัติตามมาตรการ UP-DMHTA
2. ยกระดับ COVID Free Customer
• ผู้เข้าร่วมงานต้องลงทะเบียน และแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ และมีผลตรวจ ATK เป็นลบก่อนเข้างานภายใน 72 ชั่วโมง อาจเป็นการตรวจล่วงหน้า หรือหน้างาน โดยผู้จัดงานสนับสนุนการตรวจ ATK หรือตรวจมาเอง ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่มากับผู้ปกครอง
• คัดกรองความเสี่ยงก่อนเข้างานด้วย แอปพลิเคชัน “Thai Save Thai” หรือ แอปพลิเคชัน อื่น ๆ
• ถือปฏิบัติตามมาตรการ UP-DMHTA
3. ยกระดับ COVID Free Environment
• ควรจัดงานในพื้นที่ที่ควบคุมการเข้าออกได้ (พื้นที่ปิด) และในที่โล่งแจ้งเท่านั้น
• ต้องจัดการไม่ให้เกิดความแออัดในการจัดงาน โดยดำเนินการ ดังนี้
1. จัดให้มีการจองตั๋วล่วงหน้า หรือลงทะเบียนล่วงหน้า ก่อนถึงวันจัดงาน
2. ก่อนหน้าช่องทางเข้า-ออกจากงาน จุดเดียว และ มีระบบคิว ให้สามารถควบคุมได้
3. จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน 1 คนต่อ 4 ตร.ม. และ ติดป้ายแสดงจำนวนผู้ใช้บริการให้เห็นชัดเจน
4. กำหนดโซนของผู้เข้าร่วมงาน ระบุที่นั่ง อาจจัดเป็นกลุ่ม (ไม่เกิน 5 คน) หรือ 2 ที่เว้น 1 ที่ และเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร
5. งดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความไร้ระเบียบ หรือสัมผัสใกล้ชิดกัน เช่น การจัดพื้นที่เต้นรำส่วนกลาง หรือทำกิจกรรมร่วมกัน
• เน้นการทำความสะอาดพื้นที่ พื้นผิว หรืออุปกรณ์ที่สัมผัสร่วมกัน ทุก 1-2 ชั่วโมง
• กรณีมีการแสดง ควรจัดระยะห่างระหว่างเวทีและผู้ชมอย่างน้อย 5 เมตร และเว้นระยะห่างของนักดนตรี นักแสดงบนเวทีอย่างน้อย 1 เมตร
ผู้จัดงาน
• ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
• ต้องลงทะเบียนและทำการประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2Plus และควบคุมกำกับให้พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Save Thai
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กก. มท. กห. สธ. วธ.)
• เตรียมการ ดำเนินการ และกำกับติดตามการจัดงานให้เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัยที่กำหนดอย่างเคร่งครัด และใกล้ชิด
• ประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
การสวดมนต์ข้ามปี
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ จะมีการจัดกิจกรรมในช่วงเวลา 22.30 น. ของคืนวันที่ 31 ธ.ค. ส่วนที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง จัดกิจกรรมในเวลา 23.30 น. วันที่ 31 ธ.ค. และเวลา 07.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 2565 จะเป็นการทำบุญตักบาตรรับปีใหม่
นอกจากนี้ ในส่วนของภูมิภาคก็มีการจัดสวดมนต์ข้ามปีเช่นกัน อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง และมีกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นใน 3 ภูมิภาค ภาคเหนือ จ.เชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุดรธานี และภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม มีการเสนอมาตรการหลักและมาตรการเสริม

มาตรการหลัก
• จัดให้มีจุดคัดกรองและการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้จัดและผู้เข้าร่วมงาน
• จัดกิจกรรมในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ตลอดจนทำความสะอาดโดยการเช็ดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนและหลังการจัดกิจกรรม
• จัดให้มีจุดให้บริการแอลกอฮอล์เจลบริเวณจุดเข้างาน ตลอดตามจุดต่างๆ รอบบริเวณงาน
• ผู้จัดงานและผู้ประกอบพิธีต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
• ประสานความร่วมมือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ร่วมดำเนินการในกิจกรรมนั้นๆ ด้วย
• ให้ผู้เข้าร่วมงานสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
• ผู้เข้าร่วมงานมีระยะห่างระหว่างบุคคลไม่น้อยกว่า 1-2 เมตรรอบด้าน อย่างเคร่งครัด
มาตรการเสริม
1. ด้านผู้ร่วมงานปลอดภัย
• ผู้เข้าร่วมงานที่ผ่านการคัดกรองเข้าร่วมกิจกรรมตามจุดที่กำหนด มีระยะห่าง 1-2 เมตร รอบด้าน
• ผู้เข้าร่วมงานต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หรือมีผลตรวจ ATK เป็นผลลบภายใน 72 ชั่วโมง
• ผู้ที่มีอาการ เช่น ตัวร้อน ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดเนื้อปวดตัว หายใจเหนื่อย หายใจลำบาก ให้งดเข้าร่วมกิจกรรม
• งดใกล้ชิดกับผู้ร่วมงานอื่นๆ ที่ไม่มีการป้องกันตนเอง หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค
• ผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว และกลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ควรเข้าร่วมกิจกรรม หรืออาจพิจารณาเข้าร่วมกิจกรรมการสวดมนต์ออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยง การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
• ประชาชนทุกช่วงอายุสามารถเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
2. ด้านผู้จัดงานและผู้ประกอบพิธีปลอดภัย
• จัดให้มีจุดบริการแอลกอฮอล์เจลล้างมือด้วยตนเอง
• จัดทำทะเบียนรายชื่อผู้เข้าร่วมงานผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ หากมีผู้ติดเชื้อภายในงานให้ส่งรายชื่อผู้ร่วมงานให้กระทรวงสาธารณสุข
• เตรียมแผนหรือขั้นตอนการส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายติดเชื้อโรคโควิด-19 ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล
• ติดสัญลักษณ์ในจุดยืน จุดที่นั่ง ให้มีระยะห่างระหว่างกัน อย่างน้อย 1-2 เมตร ในบริเวณที่มีการปฏิบัติงานทุกจุด สำหรับผู้จัดงาน
• จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานตามขนาดของพื้นที่ตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
3. ด้านสิ่งแวดล้อมปลอดภัย
• ทำความสะอาดพื้นที่และอุปกรณ์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนการจัดงานและหลังการจัดงาน โดยเฉพาะพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการจัดกิจกรรม
• จัดให้มีภาชนะรองรับมูลฝอยที่มีฝาปิดมิดชิดเพียงพอ มีการคัดแยกประเภทมูลฝอย และทำการกำจัดอย่างถูกหลักสุขาภิบาลทุกวัน
• ติดสัญลักษณ์เพื่อกำหนดจุดรอคิว จุดรอเข้าบริเวณการจัดงาน จุดรอคิวเข้าห้องสุขา และจุดคัดกรองหรือบริเวณอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร

ศบค.ปรับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 เร็วขึ้น ป้องกันความรุนแรง "โอมิครอน"
ครม.เห็นชอบแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ภายใน ธ.ค. 2564 โดยจะให้มีบริการฉีดวัคซีนอย่างน้อยจำนวน 6.6 ล้านโดส แบ่งเป็น
เข็มที่ 1 จำนวน 3.1 ล้านโดส
เข็มที่ 2 จำนวน 2.3 ล้านโดส
เข็มที่ 3 จำนวน 1.2 ล้านโดส

ที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ดังนี้
• ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือน ส.ค. – ก.ย. 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือน ธ.ค. 2564
• ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือน ก.ย. – ต.ค. 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือน ม.ค. 2565
• ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือน ต.ค. – พ.ย. 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือน ก.พ. 2565
• ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือน พ.ย. – ธ.ค. 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือน มี.ค. 2565
การฉีดวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิตเดียวกัน
• ฉีดวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์มครบ 2 เข็ม สามารถฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า วัคซีนไฟเซอร์ หรือวัคซีนโมเดอร์นา โดยต้องเว้นระยะห่างระหว่างเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป
• ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าครบ 2 เข็ม สามารถฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนไฟเซอร์หรือวัคซีนโมเดอร์นา โดยต้องเว้นระยะห่างระหว่างเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป
• ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นาครบ 2 เข็ม สามารถฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนไฟเซอร์หรือวัคซีนโมเดอร์นา โดยต้องเว้นระยะห่างระหว่างเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
การฉีดวัคซีนสูตรไขว้
• ฉีดวัคซีนซิโนแวค - ซิโนฟาร์ม ตามด้วยวัคซีนแอสตร้า เซนเนก้า สามารถฉีดเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า วัคซีนไฟเซอร์ หรือ วัคซีนโมเดอร์นา โดยต้องเว้นระยะห่างระหว่างเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป
• ฉีดวัคซีนซิโนแวค - ซิโนฟาร์ม ตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ สามารถฉีดเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนไฟเซอร์ หรือวัคซีนโมเดอร์นา โดยต้องเว้นระยะห่างระหว่างเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 3 เดือน ขึ้นไป
• ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ สามารถฉีดเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนไฟเซอร์ หรือวัคซีนโมเดอร์นา โดยต้องเว้นระยะห่างระหว่างเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
นอกจากนี้ ศบค. มีมติปรับมาตรการเข้าราชอาณาจักร มีผลตั้งแต่ 16 ธ.ค. เข้มคัดกรองโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เพิ่มกลุ่มบุคคลที่เดินทางเข้าโดยทางบกและทางเรือ
1. การปรับมาตรการเข้าราชอาณาจักร จากมติ ศบค. วันที่ 26 พ.ย. 2564 เนื่องจากการพบสายพันธุ์โอมิครอน และสถานการณ์บางประเทศพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ปรับดังนี้
• การพำนักในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox Programme) และการเข้ากักตัว (Quarantine Facilities) กรณีได้รับวัคซีนปรับจาก 7 เป็น 5 วัน ขอปรับระยะเวลาพำนัก/กักตัว เป็น 7 วันตามเดิม
• การปรับการตรวจหาเชื้อสำหรับ Test and Go และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ปรับจาก RT-PCR เป็น ATK ขอปรับเป็น RT-PCR ครั้งที่ 1 ตามเดิม และยังคงตรวจ ATK ด้วยตนเองครั้งที่ 2
2. การปรับกลุ่มประเภทบุคคล ประเทศ เงื่อนไข และมาตรการเข้าราชอาณาจักร
• การจัดกลุ่มประเภทบุคคล เป็น 6 กลุ่ม ได้แก่
1. Test and Go
2. Sandbox
3. กักตัว
4. ผู้ขนส่งสินค้า ทางบก เรือ
5. ผู้ควบคุมยานพาหนะ หรือ เจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ
6. ผู้มีเหตุยกเว้น หรือได้รับอนุญาตตามเงื่อนไขเฉพาะ
• การแบ่งกลุ่มประเทศ เป็น 4 กลุ่ม
1. กลุ่มประเทศ Test and Go
2. กลุ่มทุกประเทศ
3. กลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ
4. กลุ่มประเทศเสี่ยงสูง
• เงื่อนไขการเข้าราชอาณาจักร : การได้รับวัคซีน, การตรวจหาเชื้อ, ช่องทาง, ระยะเวลาในการพำนัก / กักตัว การกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง
• การปรับเงื่อนไขการเดินทาง Test and Go (จังหวัดที่เดินทางได้) และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (กรณีมีความยากในการกำกับการเข้าออกของคนในประเทศ ให้เน้นย้ำมาตรการ COVID Free Setting)
• การกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง สามารถกักในโรงแรมเดิมได้ ตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
สถานการณ์โควิด – 19 สายพันธุ์โอมิครอน
ประเทศไทยเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. - 14 ธ.ค. พบเคสต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอน ทั้งหมด 11 ราย แต่ยืนยันว่าติดเชื้อโอมิครอนจริง 8 ราย ทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและยังไม่พบคนไทยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนแต่อย่างใด ขณะที่ทางอังกฤษมีผู้ที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย
อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลได้จัดเตรียมแผนการจัดหาวัคซีนในปี 2565 มีการอนุมัติอีก 120 ล้านโดส โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. มอบหมายกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ไปจัดหาโดยเข็มที่ 4 ที่จะจัดหานั้นนายกรัฐมนตรีให้วางแผนไว้เลยเพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากเข็มที่ 4 จะมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาจึงขอให้ทางกรมควบคุมโรค ทำสัญญาเตรียมการลงนามในข้อกฎหมายก่อนสั่งซื้อเพื่อให้ไทยเราได้วัคซีนที่ทันสมัย สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ได้